วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ครั้งแรกกับการเห็นสิ่งที่น่าจะเป็น "ผี"


เชอรี่ สามโคก เห็น "ผี"ครั้งแรก 


           จำได้ว่าครั้งแรกในชีวิต กับการสัมผัสกับเรื่องลี้ลับที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้ และทดลองไม่ได้นี้เกิดขึ้นเมื่อสมัยเราอยู่ประมาณประถม น่าจะเป็นช่วง ป.4-ป.5 ชีวิตวัยเด็กอาศัยอยู่กับครอบครัวทางแม่ เนื่องจากพ่อกับแม่เลิกรากัน แต่ทุกๆปิดเทอม จะไปพักอยู่ที่บ้านป้าซึ่งเป็นพี่สาวพ่อเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งครั้งนั้นก็เหมือนวิถีปกติที่เคยทำมาคือไปพักอาศัยอยู่กับป้าที่บ้านแถบบางขุนเทียน ป้าเป็นคนมีฐานะ มีลูกสาว 3 ลูกชาย 1 ซึ่งล้วนแต่แก่กว่าเชอกัน 15 ปีขึ้นทุกคน







         ครั้งนั้นก็เหมือนปกติไปพักที่บ้านป้า วันหนึ่งป้าบอกว่าวันนี้จะไปราชบุรีกัน เพราะป้าซื้อที่ดินเอาไว้ จะต้องไปวัดที่ดิน เดินทางกันทั้งหมด 5 คนหนึ่งในนั้นก็มีเราด้วย พอถึงที่ดินที่ป้าซื้อไว้ มันเป็นที่โล่งๆสุดหูสุดตา อากาศก็ร้อนมาก แต่ตรงกลางเป็นเนินที่มีกลุ่มต้นไม้ใหญ่อยู่หลายต้น เป็นร่มเงา เราเลยเลือกจะไปอยู่บริเวณนั้นกัน







        พวกผู้ใหญ่ก็ไปวัดที่ ดูทำเล ตามเรื่องของเขา เหลือเราที่เป็นเด็กอายุประมาณ 10 ขวบอยู่คนเดียว ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เลยเดินเล่นไปมา แต่เราก็ไปสะดุดตากับ สิ่งก่อสร้างบางอย่าง นั่นคือ ศาลเก่า เป็นศาลเหมือนศาลตายายที่บ้าน แต่ที่ไม่เหมือนก็คือ ขาตั้งของศาลนี้หัก ทำให้ ความสูงของเด็ก 10ขวบ จึงสูงกว่าศาลดังกล่าว


       ด้วยความอยากรู้อะไรนักหนาของเราก็ไม่รู้ เรารู้สึกอยากรู้ว่า "ในศาลมีอะไรนะ" เราสูงกว่า เรามองไม่เห็น แต่ถ้าจะก้มไปดูเลยก็กลัวป้าจะดุเอา ว่าเล่นซน "ทำยังไงดี อยากรู้!!!" เราก็นึกแผน มองซ้ายมองขวาแล้วแกล้งทำเป็นก้มหยิบกิ่งไม้แห้งมาเล่น จังหวะที่ก้มเราก็เอียงคอเพื่อไปมองในศาลนั้นว่ามีอะไร





     "เห้ยยยย !!!" จำได้ว่า ตกใจมาก แบบรู้สึกวาบด้วยความกลัว เพราะสิ่งที่เห็นคือ ตุ๊กตาปูนปั้นผู้หญิงใส่ชุดไทยสีเขียว ตั้งอยู่ตัวเดียว แต่....."ไม่มีหัว" พูดเลยว่ากลัวมาก อาจเป็นเพราะเราเด็ก เห็นตุ๊กตาหัวขาดก็คงต้องกลัวเป็นธรรมดา แต่เราก็เก็บอาการไม่กล้าบอกผู้ใหญ่ กลัวโดนดุ (ตอนนั้นกลัวทั้งตุ๊กตา กลัวทั้งป้า 555)
     แล้วพวกเราก็ออกมาจากบริเวณนั้นไปขึ้นรถ พอขึ้นรถ พี่คนหนึ่งที่เขาเป็นคนมีเซ้นท์บอกป่าว่า "ที่นี่แรงเหมือนกันนะ ถ้าโอนแล้วต้องทำบุญเยอะเลย" เราถึงจะ10ขวบแต่ก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรกัน เราก็ยิ่งกลัวเข้าไปกันใหญ่คราวนี้กลับมาบ้านป้าต้องอยู่อีกสองสามวัน นอนไม่หลับ กลัว สวดมนต์ทุกวัน หลอนไปเองทุกคืน แต่ก็โชคดีที่ไม่เจออะไร
    กลับมาที่บ้านที่นครปฐม เราก็เลยลืมเรื่องที่ได้เจอมาไป และก็ไม่ได้คิดถึงอีก คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้ว แต่ที่ไหนได้ ปรากฎว่าคืนแรกที่กลับมาบ้าน......เจอจังๆ!!!!!!!
    บ้านที่นครปฐมเป็นบ้านสวน มีสองชั้นชั้นล่างเป็นปูนชั้นบนเป็นไม้ เรานอนชั้นบนกับแม่ ซึ่งห้องที่นอนนั้น ถ้ามองออกไปทางประตู ด้านอกตรงกลางจะเป็นหน้าต่างกระจก มองเห็นบรรยากาศด้านนอก เป็นต้นไม้ใหญ่และเมรุวัด ด้านข้างหน้าต่างเป็นตู้ไม้โบราณเก่าๆตั้งอยู่
    คืนนั้นเราก็นอนปกติ แม่จะตื่นช่วงตีสามกว่าๆ ลงไปหุงข้าวทำอะไรของเขา พอแม่ตื่นและลงไปแม่มักจะเปิดประตูปิดมุ้งลวดเอาไว้เฉยๆ แม่ลุกออกจากห้องและปิดมุ้งลวดไว้ปกติ เราตื่นมาเพราะแม่ทำของตก แม่ลงไปข้างล่าง เราเองก็สะลึมสะลือ ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองไปทางประตู แล้วก็เหลือบมาทางตู้ไม้เก่านั่น
   เรารู้สึกว่าเราเบิกตาโพลงมาก ไม่ได้สะลึมสะลือแล้ว !!! เราเห็น ร่างคนใส่ชุดไทยเป็นโจงกระเบนกับสะไบสีเขียวอยู่ตรงตู้ แต่ที่น่ากลัวคือ คอของเขาติดเพดาน "ไม่มีหัว" เหมือนหัวทะลุเพดานขึ้นไปด้านบน ตัวใหญ่มาก และเราไม่ได้ฝาดแน่ เราไม่ได้ขยี้ตาเหมือนในหนัง แต่เราก็พยายามจ้องว่าคืออะไรกันแน่ พอสมองประมวลผลได้ จิตเราก็กลับไปนึกถึงเหตุการณ์ที่ป้าพาไปดูที่ดินทันที เรารีบหลับตาคลุมโปง เรากลัวมาก แต่ไม่ได้ร้องกรี้ด ไม่ได้อะไร ไม่กล้าเปิดผ้า ไม่กล้าลืมตา กลัวว่าเค้าจะเดินเข้ามาใกล้มั้ย จะมาอยุ่ในห้องมั้ย หลอนไปหมด กลัวมากก เราอยู่อย่างนั้นจนแม่ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรแม่ บอกแม่ว่าวันนี้อยากใส่บาตรให้แม่พาใส่บาตรหน่อย แม่ก็คงงงแต่ก็พาไปใส่บาตร ในใจเราก็พูดแบบเด็กๆในตอนอธิษฐาน "หนูขอโทษ หนูกลัวแล้ว หนูขอโทษที่ไปซน ไปดู อย่ามาหลอกหนูอีกเลย "

  หลังจากวันนั้นเราก็ไม่เห็นเค้าอีก แต่เราเองก็หลอนไปเป็นอาทิตย์ ไม่กล้ามองที่ตู้นั้นไปนานเลย

นี่เป็นเหตุการณ์แรกในชีวิตที่สัมผัสกับเรื่องเร้นลับนี้ ซึ่งทุกวันนี้ ภาพนั้นก็ยังคงติดตา ยังคงจำได้ ....